ทวีศักดิ์ ที่ท่านผู้พิพากษากล่าว ก็เหมือนกับว่าสิ่งที่กระทำกัน เป็นเพียงแต่เป็นวาจา
ผู้พิพากษา ใช่ครับ ก็พูดกันไปเท่านั้นเอง
ทวีศักดิ์ ก็พูดกันไป เป็นคำปฏิญาน หรือคำท่องจำอะไรกัน
อาจารย์ ขอโทษนะคะ ขอแทรกตรงนี้หน่อย แสดงให้เห็นว่า คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลึกซึ้ง ถ้าประมาท ถ้าไม่เจ้าใจว่าพระสัมาสัมพุทธเจ้ารัสรู้อะไรจริง ๆ นะคะ ก็เดาเอาเองว่า ตรัสว่า เว้นชั่ว ละชั่ว ไม่ทำชั่ว แต่เราต้องไม่ลืมว่า ทุกคำต้องสอดคล้องกัน ตั้งแต่ต้น ธรรมะ มีจริง เราทราบแล้วนะคะ และก็ธรรมะทั้งหมด เป็นอนัตตา ตามพระพุทธพจน์ที่ทรงตรัสว่า "ธรรมะทั้งหลาย เป็นอนัตตา" อัตตา หมายความถึง เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้ เป็นดอกไม้
เพราะฉะนั้น อะ คือ ไม่ใช่ ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด อย่างที่เราคิดว่าเที่ยง แต่ว่าจริง ๆ แล้ว ไเมื่อตรัสว่า ธรรมะ ใครเปลี่ยนได้ ไม่มีใครเปลี่ยนได้เลย เพราะฉะนั้น ให้เข้าใจว่า ธรรมะเป็นสิ่งที่มีจริงหนึ่ง เปลี่ยนให้เป็นสองอย่าง สามอย่างได้มั้ย แข็งก็ต้องเป็นแข็ง เห็นก็ต้องเป็นเห็น ดีก็ต้องเป็นดี ชั่วก็ต้องเป็นชั่ว เป็นแต่ละหนึ่ง แต่ต้องไม่ลืมว่า "ไม่ใช่เรา" พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้แล้วว่า "ธรรมะทั้งหลาย เป็นอนัตตา"
พราะฉะน้้น ชั่วเป็นธรรมะอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ดี ดีก็เป็นธรรมะ อีกอย่างหนึ่งนะคะ ละชั่ว เอาอะไรละ เห็นมั้ยคะ เอาอะไรล่ะ ละชั่ว ในเมื่อทุกอย่างเป็นธรรมะ ธรรมะมีตั้งหลายระดับ ใช่มั้ยคะ จะละระดับไหน เขาก็คิดว่า ต้องไปบอกคนอื่นละ
เพราะฉะนั้น ทรงแสดงธรรมะไว้อย่างละเอียดมาก เมื่อศึกษาธรรมะ ต้องศึกษาให้เข้าใจขั้นพื้นฐาน ที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสไม่
เหมือนคนอื่น คนอื่นไม่มีความรู้เหมือนพระพุทธเจ้า ก็แค่บอกว่าชั่วไม่ดีนะ ให้ละ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ชั่วไม่ใช่เรา เป็นธรรมะ" เกิดด้วย แล้วก็ดับด้วย เพราะธรรมะทั้งหลาย มีการเกิดขึ้น แล้วก็มีการดับไป เป็นธรรมดา อะไรที่เกิด แล้วไม่ดับไม่มี แต่ว่าชั่ว คืออะไร เห็นมั้ยคะ ความไม่รู้ ชั่วมั้ย
ทวีศักดิ์ ท่านอาจารย์ครับ ความดีหรือความชั่วเนี่ย
อาจารย์ เป็นธรรมะหรือเปล่าคะ
ทวีศักดิ์ ใช่ครับ ที่ท่านผู้พิพากษาจักรกฤตกล่าว ก็เป็นการแสดงออก ทางกาย และทางวาจา นั้น ก็เป็นธรรมะ ใช่มั้ยครับ
อาจารย์ ใครแสดงล่ะ
ทวีศักดิ์ ถ้าไม่รู้ก็บอกว่าเป็นเรา ถ้ารู้แล้วก็ะบอกว่า เป็น "จิตเจตสิก" ประกอบกันไป
อาจารย์ ตอนนี้รู้แล้วใช่มั้ยคะ จิตเจตสิก แต่เดี๋ยวเอาคำแรกเลยค่ะ เป็นธรรมะ
ทวีศักดิ์ เป็นธรรมะหรือครับ
อาจารย์ เพื่อความมั่นคงว่า แม้จิตก็ไม่ใช่เรา
ทวีศักดิ์ ธรรม คือ สิ่งที่เกิดขึ้นมา ไม่มีใครบังคับบัญชาได้
อาจารย์ หลากหลายมาก แต่ละอย่าง เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นต้องแบ่งธรรมะ เข้าใจให้ถูกต้องซะก่อนนะคะ
เพราะฉะะนั้น ธรรมะ จำแนกแยกได้เป็น ๒ ประเภทใหญ่ ๆ เลยนะคะ ประเภทหนึ่ง ก็คือ มีจริง แต่ไม่รู้อะไรเลย แข็งนี่ไม่รู้อะไร
ทวีศักดิ์ สภาพแข็ง
อาจารย์ สภาพแข็งมีจริง แต่ไม่ใช่เรา แข็งเป็นเก้าอี้หรือเปล่าคะ
ทวีศักดิ์ ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าสัมผัสแข็ง อาจจะเป็นอะไรก็แล้วแต่
อาจารย์ แต่ที่นี้ เราต้องไตร่ตรองให้ละเอียด เราพูดแล้วนี่คะว่า ธรรมเป็นแต่ละหนึ่ง ขะเป็นอื่นไม่ได้ ทุกคำนี่ค่ะ ต้องชัดเจนมั่นคง จะมีปัญญาเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนนั้นก็ต้องฟังธรรมหลายชาติ นานมากกว่าจะได้พบพระพุทธเจ้า นับ ๑๐ นับ ๒๐ นับ ๓๐ ก็ได้ ๑๐๐ ก็ได้ ๑๐๐๐ ก็ได้ แล้วแต่กำลังของการไตร่ตรองที่จะเข้าใจธรรมะ
แม้พระโพธิสัตว์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นี้ ก็ได้เฝ้าฟังพระธรรม จากพระสัมมาสัมพุทะเจ้า ถึง ๒๔ พระองค์ หลังจากที่ได้รับคำพยากรณ์ จากพระพุทธเจ้า ทรพระนามว่า ธีปังกร
เพราะฉะนั้น แต่ละคำนี่ค่ะ เราเผินไม่ได้เลย ถ้าเราเผินเหมือนเข้าใจ ๆ ก็คือ ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทั้งหมดทุกคำเป็นคำจริง ต้องสอดคล้องกันหมด จะเปลี่ยนไม่ได้ถ้ามีความเข้าใจที่มั่นคงนะคะ ละชั่ว เป็นธรรมะ ชั่วเป็นธรรมะ ละเป็นเราหรือเปล่า ละเป็นธรรมะ ถ้าเราละได้ก็เก่ง ละให้หมดเลยในวันนี้ ไม่ให้เหลือเลย แต่อะไรละชั่ว ถ้ายังคงมีความไม่รู้ ละไม่ได้ ถ้าไม่รู้ จะทำได้อย่างไรคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น