ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ธรรมะเบื้องต้น ตอนที่ ๑ (หน้า ๓)


คุณทวีศักดิ์   การรู้ธรรมะตามที่อาจารย์กล่าวถึงล่ะครับ สามารถรู้ได้หลายทางหรือทางใดทางหนึ่ง ยกตัวอย่างว่า โดยธรรมชาติความรู้สึกของเรานี่ว่ารู้อะไร พอตื่นนอนขึ้นมาเราก็ลืมตา

อาจารย์  ให้รู้ว่าเป็นธรรมะ หาธรรมะไม่เจอ เจออะไรคะ

คุณทวีศักดิ์   เห็นครับ

อาจารย์   เห็นอะไร   ค่ะ...ตื่นขึ้นมาเห็น ลืมคิดด้วยซ้ำว่า "เห็น"  มุ่งหน้าไปที่สิ่งกำลังปรากฏให้เห็น

คุณทวีศักดิ์   ซึ่งก็เรียกว่า เป็นวัตถุ เป็นสิ่งของอะไรก็แล้วแต่ อย่างนั้นใช่มั้ยครับ สิ่งที่อยู่รอบตัวทั้งหลาย

อาจารย์   ซึ่งความจริงนะคะ ทุกสิ่งทั้งหลายที่กำลังปรากฏอยู่ขณะนี้ก็เป็นธรรมะ ไม่ว่าอะไร เพราะว่า ธรรมะ หมายถึงทุกสิ่งที่มีจริง ๆ ไม่เว้นเลยนะคะ ไม่ว่าจะเห็น เห็นก็มีจริง คิดก็มีจริง เสียงที่ปรากฏก็มีจริง กลิ่นที่ปรากฏก็มีจริง ไม่เว้นเลยค่ะ

คุณทวีศักดิ์   จริงในลักษณะที่สามารถพิสูจน์ได้เลยมั้ยครับ

อาจารย์   กำลังเห็นอยู่นี่จะพิสูจน์ยังไงคะ กำลังได้ยินเสียงก็มี เพราะฉะนั้น สิ่งที่มีเป็นปกติในชีวิตประจำวันซึ่งไม่เคยรู้เลยว่า เป็นเพียงสิ่งที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ สิ่งที่มีนี่แหละ ประจำโลกประจำวันนี่แหละ แต่รู้ลึกซึ้งตามความเป็นจริง ซึ่งคนอื่นรู้ไม่ได้เลย  ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ทราบคุณจักรกฤตเห็นยังไงคะ

ผู้พิพากษา   เป็นเรื่องที่ละเอียดมากเลยครับท่านอาจารย์ เพราะว่า ปกติประจำวันแล้ว เราไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลย เรื่องสิ่งที่มีจริง แต่เป็นเรื่องที่เกิดจากความคิดของเราเองมาโดยตลอด พอได้ฟังธรรมะเป็นสิ่งที่มีจริงนี่ ก็ทำให้เรากลับมานึกถึงว่า สิ่งที่มีจริงแล้วสิ่งนั้นมันคืออะไร  โดยเฉพาะสิ่งที่มีจริง ๆ นั้น ต้องพิสูจน์ให้เห็นชัดได้ว่าต้องมีจริง ๆ ด้วยใช่มั้ยครับท่านอาจารย์ โดยเฉพาะเรื่องนี้ละเอียดมาก ต้องรู้ทีละหนึ่ง ๆ ถึงจะทราบว่า สิ่งที่มีจริงนั้นคืออะไราง มิฉะนั้นก็จะไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ ก็จะเป็นเรื่องราวของเราในชีวิตประจำวันที่ปรากฏกับเรา นี่ว่า มีดอกไม้ มีแก้วน้ำ มีโต๊ะ มีสิ่งต่าง ๆ นั่นแหละคือสิ่งที่มีจริง  จริง ๆ เปล่า ตรงนี้นี่เราไม่สามารถจะทราบได้ จนกว่าพระพุทธองค์ได้ทรงอธิบายให้เห็นว่า สิ่งที่มีจริง ๆ นั้น คืออย่างไร ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงเรื่องของเห็น ทุกคนก็เห็นกันอยู่ ทุกวันตื่นมาก็เห็น ตื่นนอนมาก็เห็นเตียงเห็นทีวีอะไร นาฬิกา สิ่งต่าง ๆ ซึ่งคิดว่าเห็นนั้นมีจริงหรือเปล่า ซึ่งตรงนี้พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้โดยละเอียดว่า

เห็น เป็นเพียงแต่สิ่งที่ปรากฏเท่าานั้น ซึ่งท่านอาจารย์เคยบรรยายให้เข้าใจจริงๆ ว่า นั่นแหละคือสิ่งที่มีจริง ทำให้เห็นได้ว่า ความไม่รู้นี่มากกแค่ไหน ท่านอาจารย์ได้กล่าวไว่เมื่อสักครู่ว่า เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้ อย่างนั้นเราก็ไม่รู้อีกต่อไป เพราะว่า เราคิดว่าเรารู้แล้ว ตรงนี้เป็นคำที่มีในพระไตรปิฏกครับท่านอาจารย์ คนทั่วไปนี่มากด้วยความไม่รู้ เขาก็ไม่รู้ว่า ตัวเองก็ไม่รู้อะไร ก็ไม่มีทางที่จะออกจากความไม่รู้นั้นไปได้ ตรงนี้จริง ๆ เป็นเรื่องที่ละเอียดและสำคัญ เริ่มต้นจากสิ่งที่มีจริงนี่คืออะไร  เห็นคืออะไร  ตอนที่ท่านกล่าวว่าเป็นธรรมะ ตรงนี้นี่สำคัญมาก ๆ  ถ้าเข้าใจตรงนี้แล้ว นั่นแหละครับเป็นกุญแจสำคัญที่จะเปิดไปสู่ความจริงอื่น ๆ ตามลำดับ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น