อาจารย์ เห็นก็เป็นธรรมะ ได้ยินก็เป็นธรรมะ เสียงก็เป็นธรรมะ แต่พอจำแนกออกแล้ว เห็นเป็นจักขุวิญญาณ ในขณะที่ตาเป็นเพียงจักขุธาตุ แต่ว่าเห็นไม่ใช่ตา เพราะฉะนั้น เห็นต้องอาศัยตา จึงใช้คำว่า สภาพรู้ที่อาศัยตา ธรรมดาที่สุดเลยค่ะ แต่อีกภาษาหนึ่งเรียกว่า จักขุวิญญาณธาตุ แต่ถ้าไม่มีธาตุรู้ อะไรก็ไม่ปรากฏ
เพราะฉะนั้น โลกปรากฏตั้งแต่เกิด เพราะมีธาตุรู้ ปรากฏเกิดขึ้น ถ้าไม่เกิดก็ไม่ปรากฏ เดี๋ยวนี้นะคะ จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่คุณจักรกฤต ไม่ใช่ใครเลยค่ะ ธาตุรู้กำลังรู้ กำลังเห็น กำลังฟัง กำลังคิด กำลังจำ ทั้งหมดไม่ใช่เรา
ทวีศักดิ์ ก็คือไม่มีตัวตน
อาจารย์ ไม่มีค่ะ เพราะฉะนั้น เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้ว จะพูดว่า "ตนเป็นที่พึ่งแก่ตน" ก็ได้ ถ้าเข้าใจแล้ว เพราะฉะนั้น คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้คัดค้านกันเลยนะคะ แต่ต้องเป็นผู้ที่ละเอียด ต้องเข้าใจตั้งแต่ต้นโดยชัดเจน โดยไม่ปะปนกันว่า ตนที่นี้หมายถึง ความเกิดของธาตุรู้ แต่เราก็ไม่ได้มีแต่เฉพาะธาตุรู้ เรามีรูปธาตุด้วย ใช่มั้ยคะ ยึดถือว่าเป็นเรา ธาตุที่ไม่รู้ เพราะฉะนั้น บอกว่า กาย ร่างกาย ก็คือ ธาตุที่ไม่รู้อะไร แต่ก็ไม่ใช่ของเรา และก็มีธาตุรู้ด้วย
เพราะฉะนั้น สิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดต้องมี ๒ อย่าง ในโลกนี้นะคะ คือ มีธาตุรู้ซึ่งมองไม่เห็นเลย ไม่มีรูปร่าง ไม่มีสีสรร ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส จับต้องไม่ได้ กับรูปร่างกายซึ่งอาศัยกันและกันเกิด เพราะฉะนั้น เห็นต้องอาศัยตา ได้ยินต้องอาศัยหู ได้กลิ่นต้องอาศัยจมูก ทุกอย่างนี่ค่ะ จะเกิดตามลำพังไม่ได้สักอย่าง ให้มีความเเข้าใจให้มั่นคงอย่างนี้ แล้วจะตอบคำถามทุกคำถามได้
ทวีศักดิ์ เพราะฉะนั้น ก็จะมาพูดถถึงสิ่งที่มีจริง ๆ นะครับ ท่านผู้พิพากษาจักรกฤตับ ที่บอกว่า เห็น นะครับ ถ้าเห็นเป็นตัวตน เราก็บอกว่า เราเห็น แต่ถ้าไม่ใช่ตัวตน ก็คือมีธาตุรู้ หรือจักขุวิญญาณ เป็นภาษาบาลี
ผู้พิพากษา เป็นภาษาบาลีครับ
ทวีศักดิ์ ครับ ทีนี้ ถ้าจะถามต่อไป สิ่งที่ถูกเห็นนี่ หรือว่าเห็น เห็นอะไรครับ ท่านอาจารย์ได้กรุณาช่วยอธิบายหน่อยครับ
อาจารย์ อันนี้ยิ่งยาก เพราะอะไรคะ เพราะว่า เห็นมามากมายมหาศาล เห็นทุกวันด้วย แต่ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้มีอะไรกำลังปรากฏให้เห็น ถูกต้องมั้ยคะ กำลังมีอะไรให้เห็น
ทวีศักดิ์ เห็นตั้งแตเกิดจนถึงปัจจุบันนี้
อาจารย์ แล้วก็เห็นต่ออีก เห็นเกิดได้มั้ยคะ เมื่อแสนโกษกัปป์ เห็นเป็นเห็น แต่ก็จะเห็นต่อไปอีกข้างหน้าด้วยค่ะ ถ้าไม่ได้ฟังด้วยความไตร่ตรองจริง ๆ เราต้องคิดถึงสิ่งที่เราได้ยิน แล้วก็ไตร่ตรองว่าจริงมั้ย ต่างกับเราเคยคิดมาก่อนใช่มั้ยคะ
ก่อนฟังธรรมะ เราบอกว่า เราเห็นดอกไม้ เห็นโต๊ะ แต่ถ้าไม่มีเห็น จะมีความคิด ความจำมั้ย ว่าป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ไม่มี เพราะฉะนั้น เวลาที่เห็น ก็ต้องมีสภาพที่กำลังรู้ว่า เดี๋ยวนี้มีอะไรกำลังปรากฏให้เห็น ถูกต้องมั้ยคะ กำลังมีอะไรปรากฏให้เห็น
ทวีศักดิ์ ที่ปรากฏให้เห็นหรือครับ
อาจารย์ เพราะฉะนั้น เพราะเห็น ๆ สิ่งนั้น สิ่งนั้นจึงปรากฏว่ามีได้ และมีให้เห็นด้วย ไม่ใช่จำเอา ใช่มั้ยคะ ปรากฏด้วยแล้วก็มีให้เห็นด้วย แต่มีให้เห็น เมื่อเห็นเท่านั้น หลับตาสิคะ
ทวีศศักดิ์ หลับตาก็จะไม่เห็นอะไรเลย
อาจารย์ ค่ะ ไม่เห็นอะไรเลย เพราะฉะนั้น แม้แต่คำว่า เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ ถูกมั้ย และสิ่งนั้นที่เพียงปรากฏให้เห็นได้นี้ คือสิ่งที่มีจริงแน่ ๆ ถูกต้องมั้ยคะ กำลังเห็นอยู่นี่ ต้องมีจริง แต่สิ่งนั้น ต้องเป็นสิ่งที่กระทบตาได้ ถ้ากระทบตาไม่ได้ จะเห็นไม่ได้ เห็นแข็งมั้ยคะ ไม่มีทาง เห็นกลิ่น เห็นรสมั้ย เห็นเย็นมั้ย
เพราะฉะนั้น บรรดาธรรมทั้งหมด คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เปลี่ยนไม่ได้เลยค่ะ
ทวีศักดิ์ เพราะฉะนั้น ที่ว่าเห็น ทีละขณะ ทีละอย่าง ก็คืออย่างนี้ช่มั้ยครับ ปรากฏ
อาจารย์ แน่นอนเลยค่ะ
ทวีศักดิ์ เพราะว่า เราเห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ เราเห็นทีละอย่าง
อาจารย์ ทันทีที่เห็นนะคะ ทุกอย่างเลย แสดงว่าเห็นเกิดดับนับได้มั้ยคะ กว่าจะเป็นแต่ละ ๑ กว่าจะเป็นดอกไม้ แต่ละดอก เป็นแก้ว เป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้ มากมายมหาศาล ใครรู้ ถ้าไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีทางเลยคะ ที่จะมีแสงสว่าง ที่จะทำให้หายจากความมืด ซึ่งเกิดมา นับชาติไม่ถ้วน แล้วไม่รู้อะไรเลย แต่ละ ๑ แล้วก็หมดไปแต่ละชาติ แต่ละชาติ จำชาติก่อนไม่ได้เลย เห็น ชาติก่อนก็มีเห็นแน่ แต่จำไม่ได้ ว่าเห็นอะไร แล้วชาติหน้านะคะ ก็จำไม่ได้ว่า กำลังเห็นสิ่งนี้ เพราะทุกอย่างเกิดดับเร็ว สุดประมาณ แล้วไม่กลับมาอีกเลย เพราะฉะนั้น แต่ละชาติก็เป็นแต่ละหนึ่งขณะ ๆ รวมกันแล้วก็เป็นคนบ้าง อะไรบ้าง ก็แล้วแต่นะคะ แล้วก็ไม่กลับมาอีก เลย
เพราะฉะนั้น เป็นเพียงแค่ ๑ อย่างนะคะ ไมใช่เพียงแค่เห็นดอกไม้ ไม่ใช่เพียงแค่เห็นคน เพราะว่า ถ้าเป็นคนกับดอกไม้ ก็ต้องมีคิดแล้ว และคิดถึงอะไรคิดถึงสีสรร วรรณะที่หลากหลาย จนกระทั่งสามารถรู้ได้ว่า ในแจกันนี้มีดอกอะไรบ้าง ยังไม่ต้องไปดูคน เห็นก็รู้แล้ว อ้อ..นี่สีมวง นี่ีขาวซึ่งต่างกันนะคะ นั่นสีเขียวใบไม้ เพราะเห็นแล้วก็จำ ถ้าไม่จำก็มีแค่สิ่งที่ปรากฏ และจำไม่ใช่เห็น ในขณะที่เห็นมีจำด้วย แล้วจำสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นด้วย แต่ไม่ใช่ขณะที่รู้ว่าเป็นดอกไม้ นั่นก็เป็นอีกหลายขณะ
เพราะฉะนั้น แสดงความรวดเร็ววของธรรมะนะคะ เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือยัง นี่คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น