ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ธรรมะเบื้องต้น ตอนที่ ๑ (หน้า ๕)


อาจารย์   ค่ะ ...แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรมะ

ทวีศักดิ์   ไม่รู้ว่าเป็นธรรมะ ทีนี้การที่มีความเดือดร้อน ความทุกข์ใจอะไรต่าง ๆ เพราะมีเรา

อาจารย์  แต่ถ้าไม่มีธรรมะก็ไม่มีเรา ไม่มีเห็น ไม่มีได้ยิน ไม่มีคิดนึก ไม่มีชอบ ไม่มีโกรธ เพราะไม่มีเรา

ทวีศักดิ์   ครับ

อาจารย์  เพราะทุกอย่างไม่สามารถบังคับให้เกิด ใครทำให้เกิดไม่ได้เลยค่ะ แต่ว่าเกิดเมื่อมีปัจจัยอาศัยกันและกัน ปรุงแต่งทำให้เกิดขึ้น เหมือนแกงชนิดหนึ่งนะคะ ไม่ว่าจะเป็นชนิดอะไร ก็ต้องอาศัยเครื่องปรุงหลายอย่าง อย่างเดียวก็ไม่สามารถที่จะเป็นอย่างนั้นได้
เพราะฉะนั้น การตรัสรู้ของงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ว่า เห็นหนึ่งขณะเดี๋ยวนี้ มีอะไรปรุงแต่ง อาศัยกันและกันเกิดขึ้นอย่างไร แล้วดับไป ไม่กลับมาอีกเลย หาอีกไม่ได้ในสังสารวัฏฏ์ เพราะฉะนั้น เพียงเท่านี้นี่คะ ใครจะคิดว่า เห็นที่เคยเข้าใจว่าเป็นเราเนี่ย ความจริงเป็นสิ่งที่มีจริง ซึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปค่ะ ทุกอย่างหมดค่ะ เกิดไม่ได้ ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดขึ้น แล้วก็คงอยู่ไม่ได้ หมดไป แต่เร็วมาก จนไม่ปรากฏการเกิดดับสืบต่อกันนะคะ เหมือนเราอยู่ที่นี่ค่ะ เราเห็นอะไรบ้าง เมื่อกี้นี้กับเดี๋ยวนี้ ก็ไม่ใช่ขณะเดียวกันแล้ว มีเสียงดังใหม่แล้ว
เพราะฉะนั้น ก็ขณะนั้นก็ไม่รู้อีก ก็ผ่านไปหมด เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริงเกิดขึ้น แล้วดับไปเร็วสุดที่จะประมาณได้  ทำให้สัตว์โลก ไม่สามาถจะรู้ความจริงของสิ่งเป็นธรรมะหรือสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ซึ่งหลากหลายมาก

ทวีศักดิ์   เราหรือคนทั่วไปนะครับ ก็จะมีความเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเห็นหรือจะได้ยิน จะได้กลิ่นหรือว่าจะได้ลิ้มรส ได้สัมผัสอะไรต่าง ๆ นี่ มันเหมือนกับเป็นสิ่งที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนต่อเนื่องกันตลอด

อาจารย์  แต่ว่าทีละหนึ่งค่ะ ต่างกันนะคะ อย่างเห็นนี่กับได้ยิน เกิดขึ้นพร้อมกันไม่ได้ อาศัยสิ่งที่ต่างกันด้วย ว่าอย่างเห็นนี่ ต้องมีตา ถ้าไม่มีตา ไม่มีทางที่จะเห็นได้เลย และถ้าเป็นคนหูหนวกนะคะ ก็ไม่ได้ยิน ถึงแม้ว่าจะมีตา เพราะฉะนั้น ขณะที่เห็น ต้องไม่ใช่ขณะที่ได้ยิน แต่ติดกันเลยใช่มั้ยคะ ความจริงมีสิ่งที่เกิดดับสืบต่อมากมายขั้นอยู่ ใครรู้ นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนอื่นไม่รู้เลย แม้ว่าจะได้ฟังพระธรรมนะคะ เข้าใจตาม แต่ก็ไม่ได้รู้ความจริงอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้ประจักษ์แจ้ง เหนือบุคคลใดทั้งิสิ้น ซึ่งเป็นสิ่งละเอียดมาก แค่เห็นอย่างเดียว และก็ไม่ใช่มีแต่เห็นนะคะ ทุกอย่างมีจริง ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้ามี เราเข้าใจว่ามี แขน มีขา มีตา มีหู แต่เข้าใจจริง ๆ แล้ว ก็มีแต่ละหนึ่ง ่ะ..ซึ่งมีอากาศธาตุแทรกขั้นอย่างละเอียดยิบ เหมือนกองฝุ่นแต่ละกอง เพราะฉะนั้น แต่ละคน ดอกไม้ก็เหมือนกองฝุ่นค่ะ ด้วยเหตุว่ามีอากาศธาตุแทรกขั้นละเอียดมาก แต่ถ้าละลายย่อยให้ละเอียดจนไม่ปรากฏว่าเป็นดอกไม้ ไหนดอกไม้ แต่พอมารวมกันแล้ว ก็เป็นดอกไม้ เป็นคน เป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้ แล้วใครเคยคิดเรื่องนี้บ้าง ถึงคิดก็คิดไม่ได้ เพราะไม่มีปัญญาพอที่จะประจักษ์แจ้งสามารถที่จะไตร่ตรอง รู้ความจริงซึ่งกำลังเกิดดับ  นั่นคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้ทรงแสดงความจริงอันนี้ให้คนสามารถที่จะเข้าใจได้ และสะสมความเข้าใจมาแล้วมากเหมือนพระองค์ทรงเป็นพระโพธิสัตว์สะสมพระบารมี คนฟังที่จะเข้าใจความจริงนี้ ก็ไม่ใช่ว่าฟังแล้วเข้าใจทันที แต่ต้องเห็นคุณของการที่ ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะคะ ใครจะได้ยิน แม้แต่คำว่า "ธรรมะ" เป็นภาษาบาลีที่ใช้กันนะคะ หมายความว่า เป็นสิ่งที่มีจริง แต่ละภาษาค่ะ จะใช้ภาษาไหนก็ได้ แต่ว่าธรรมะเปลี่ยนไม่ได้  "เห็น" นี่ค่ะ จะใช้ภาษาอะไรก็ได้ เปลี่ยนเห็นไม่ได้ เห็นต้องเป็นเห็น อย่างภาษาไทยเราใช้คำว่า "เห็น" นะคะ ภาษาบาลีไม่มีคำนี้ค่ะ มีคำว่า "จักขุ"  "วิญญาณะ"  จักขุ เราก็รู้ว่าคือ ตา วิญญาณะ ก็คือ สภาพรู้ เพราะฉะนั้น ขณะนี้ที่กำลังเห็น ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะศึกษาเข้าใจต่อเมื่อมีสิ่งนั้นกำลังปรากฏ แล้วค่อย ๆ ฟัง ค่อย ๆ เข้าใจขึ้น ว่าเป็นความจริงหรือเปล่า ไม่ใช่ให้ใครเชื่อ แต่ให้พิจารณาว่าเป็นความจริงหรือเปล่า แต่ละอย่างนะคะ กำลังปรากฏ

ทวีศักดิ์   พูดถึงขณะนี้เลยนะครับ ขณะที่กำลังสนทนาอยู่ ผมเห็นท่านผู้พิพากษาจักรกฤตและเห็นท่านอาจารย์สุจินต์ ก็เห็นสิ่งรอบข้าง แล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมดเลยใช่มั้ยครับอาจารย์ และในขณะเดียวกันขณะสนทนากัน ผมก็ได้ยินเสียงท่านอาจารย์ เสียงฝนตก ได้ยินเสียงรอบข้าง เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็แล้วแต่

อาจารย์   โลกนะคะ คำว่าโลกที่เราใช้กัน มีอะๆรบ้างคะ เยอะมาก แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักอย่าง จะมีสิ่งปรากฏเยอะ ๆ เดี๋ยวนี้มัย เพราะฉะนั้น สิ่งที่เกิดแต่ละหนึ่งเป็นธรรมะ เหมือนคงที่ แต่ต้องเกิดค่ะ ถ้าไม่เกิดหายไปไหน หายไปดับหมดแล้วไม่เหลือ แต่เพราะเหตุว่า เกิดต่อ ๆ อยู่เร็วมากอยู่เรื่อย ๆ โลกก็ไม่ปรากฏว่าดับไปสักทีหรือหมดไปสักที เพราะฉะนั้น คำว่า โล-กะ ในภาษาบาลีนะคะ ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น