ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ธรรมะเบื้องต้น ตอนที่ ๒ (หน้า๒)


อาจารย์   ยังไม่ถึงนั่น เพียงแต่การศึกษาธรรมะนี่  ต้องละเอียดค่ะ เพราะเหตุว่า ถ้าตอบผิดหรือเผินนี่ เราจะไปเรื่องอื่นค่ะ ก็ไม่ได้เข้าใจธรรมะเลย เพราะฉะนั้น การศึกษาธรรมะ ต้องศึกษาทีละคำให้เข้าใจจริง ๆ นะคะ เพราะอะไร  เพราะเป็นปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครจะได้ยินคำเดียวแล้วิดตลอดไป รู้แล้ว เป็นไปไม่ได้ นอกจกการศึกษาด้วยความเคารพจริง ๆ นะคะ
ท่านผู้นี้ไม่มีบุคคลใดเสมอเหมือนได้ จึงใช้พระนามว่า "พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า"  "พระอรหันต์" ก็มี แต่ไม่ใช่ "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า"  "พระปัจเจกพุทธเจ้า" ก็มีนะคะ  ตรัสรู้ธรรมะได้ด้วยพระองค์เอง แต่ก็ไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้น ธรรมะเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ทุกคำสามารถเข้าใจได้ากการศึกษา เช่น พูดถึง ธรรมะ คือ สิ่งที่มีจริง  ถูกต้องค่ะ  เป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละอย่าง ที่จริงต้องมีสภาวะ สิ่งที่เป็นสภาพลักษณะจริง ๆ  ของสิ่งสิ่งมีจริงนั้น เพราะฉะนั้น ถ้าเราพูดถึงธรรมะล้วน ๆ นะคะ ไม่ได้พูดถึงดอกไม้ที่รวมกันล่ะ มีภาวะความเป็นหลายอย่าง สิ่ที่ปรากฏทางตา เห็นก็มี กลิ่นก็มี รสก็มี จับกินก็ได้ แต่ละ ๑ ภาวะ แต่ว่ารวมกันเป็นดอกไม้ แต่ว่าความจริงเป็นธรรมะแต่ละ ๑ ซ้ำกันไม่ได้ เปลี่ยนก็ไม่ได้นะคะ ต้องเป็นสภาวะอย่างนั้น ของตน ๆ  เพราะะนั้น สภาพธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง ทุกวันไหมเนี่ย ไม่เคยขาดเลยค่ะ แล้วก็เกิดดับเร็วที่สุดจะประมาณได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ประจักษ์การเกิดดับ
เพราะฉะนั้น สภาวธรรมต่อไปนี้ เข้าใจได้เลยนนะคะ การพูดถึงธรรมะ ก็หมายถึงสิ่งทั่ว ๆ ไป ยุติธรรม อยุติธรรมก็ได้ แต่ว่าถ้าต้องเป็นธรรมะจริง ๆ มีลักษณะจริง ๆ เป็นลักษระของตนนะคะ ภาษาบาลีก็ใช้คำว่า  "สภาวะ" ภาษาไทยก็ใช้คำว่า "สภาพธรรมะ"  ก็แสดงให้เห็นว่า เราเริ่มเข้าใจล่ะ เรากำลังพูดถึงตัวธรรมะ ซึ่งมากมายมหาศาล แต่ละ ๑ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ดับไปไม่มีใครรู้ ก็รวมกัน เห็นว่าเป็นสิ่งหนึ่ง ซึ่งไม่ดับเลย

ทวีศักดิ์   ในเบื้องต้น่จะดับ ไม่รู้ก็จะต้องศึกษาเรียนรู้

อาจารย์   ต้องละเอียด รอบคอบ ลึกซึ้ง มั่นคง ต่อไปนี้ จะเปลี่ยนธรรมะเป็นอย่างอื่นได้มั้ยคะ  ไม่ได้ เป็นสิ่งที่มีจริง ๆ  เปลี่ยนคำว่า  "สภาวธรรม"  ได้มั้ย ไม่ได้เลย

ทวีศักดิ์   ไม่ได้ครับ

อาจารย์   ค่ะ..ถ้าแข็งก็ต้องเป็นแข็ง สภาวะ ก็คือ แข็ง  เพราะฉะนั้น ธรรมะทั้งหมดนี่นะคะ เมื่อมีลักษณะของตน ซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้ จึงใช้คำว่า  "ปรมัตถธรรม" คงจะได้ยินบ่อย ๆ นะคะคุณจักรกฤตคะ ปรมัตถธรรม

ผู้พิพากษา  ปรมัตถธรม คือ ธรรมะที่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ เมื่อเข้าใจในสิ่งนี้แล้วเนี่ย ก็จะทำให้เข้าใจในสภาพธรรมด้วยดี ตามมาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ก็คือ ชาวพุทธทุกคนเมื่อเริ่มต้น ก็จะต้องสนใจ

ทวีศักดิ์   ถ้าจะกล่าวอีกนัย ลักษณะนี้นี่ ที่เราดำเนินชีวิตอยู่ เป็นผู้คนอะไรต่าง ๆ นี้ ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่
ปรมัตถธรรม ที่รู้บัญญัติ ก็เป็นเรื่องสมมติสัจจะ ความจริงที่สมมติ ความจริงที่สมมติ  อยู่ที่สมมติอย่างนั้นเหรอครับ

อาจารย์   ยังไม่ถึงค่ะ

ทวีศักดิ์   ยังไม่ถึงเหรอครับ

อาจารย์   ยังเลย...พระธรรมที่พูดมาทั้งหมด พูดคำที่ไม่รู้จัก ตั้งแต่เกิดจนตาย กล่าวได้เลย อยู่ในโลกของความไม่รู้ จนกว่าจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะคะ  เช่น เราบอกว่า ทุกคนเกิด ต้องมีการเกิด แล้วอะไรละคะเกิด เราก็บอกได้ คนเกิด แมวเกิด นกเกิด แต่อะไรเกิดจริง ๆ  ถ้าไม่มีสภาพรู้หรือธาตุรู้ ซึ่งเกิด สิ่งมีชีวิต จะกล่าวได้มั้ย ว่า นกเกิด ว่ากา ว่าคน เพราะฉะนั้น สภาพรู้เกิดขึ้น จึงมีสิ่งมีชีวิต
ดอกไม้นี้เกิดรึเปล่า ปลูกตั้นนานแล้วก็เป็นดอกขึ้นมา ไม่ใช่คนเกิด ใช่มั้ยคะ เพราะว่า มีความต่างกับ คำว่า "เกิด"  ก็ต้องต่างแล้วใช่มั้ยคะ  พูดถึงอะไรเกิดคะ เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น เราก็บอกว่า "เกิด"  อะไรเกิด เกิดต้องมีการเกิด เพราะฉะนั้น ต้องศึกษาให้เข้าใจให้มั่นคง แล้วก็จะได้ รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทวีศักดิ์   ก็ค่อยเป็นค่อยไปครับ

อาจารย์   ถ้าไม่ศึกษาให้เข้าใจ ให้มั่นคง ก็จะไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่เข้าใจ ไม่มีทางที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ได้แต่กราบไหว้ สวดมนต์ บูชา อธิษฐาน อะไรก็แล้วแต่ แต่ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงตรัสรู้ สิ่งที่มีจริงและทรงแสดงความจริง ทำไมไม่ได้ศึกษา แล้วจะเข้าใจและจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น เราเผินมาก เราส่วนใหญ่คิดว่า เรารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฟังธรรม แต่ไม่เข้าใจสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้และทรงแสดง สิ่งที่เราฟังก็เหมือนคำของคนอื่น  "ทำดี ละชั่ว"  "ละชั่ว ทำดี"  "ชำระจิตให้บริสุทธิ์"  แต่อะไร ไม่มีคำตอบ  แต่คำตอบมี เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสให้เราได้เข้าใจถูกต้องว่า พระองค์ได้ทรงตรัสรู้อะไร สิ่งที่มีจริงทั้งหมด แม้เดี๋ยวนี้ก็มี
เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจแต่ละคำที่เราพูด ให้ถูกต้อง เริ่มรู้ว่า เราเข้าใจคำที่เราพูด

ผู้พิพากษา    ตรงนี้ ที่ท่านอาจารย์ กล่าวมานี้สำคัญมาก ถ้าเราไม่เข้าใจ ในคำที่พระพุทธองค์ทรงสอนอย่างละเอียดนี้จากนั้นเนี่ย เมื่อเราได้ยินคำใดคำหนึ่ง เราก็จะเอาความคิดของตัวเอง เข้ามาอธิบายคำนั้น อย่างเช่น ให้ละชั่วนี่นะครับ ถ้าเราไม่เข้าใจตรงนี้ เราก็จะคิดว่า สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย สิ่งชั่วที่ไม่ถูกต้องทั้งหลายนี่ เราสามารถที่จะไม่ทำได้ คือ ห้ามไม่ให้เกิดขึ้นได้ คือ ละชั่ว ยกตัวอย่างเช่น ห้ามไม่ให้ฆ่าสัตว์ ถ้าเราไม่เข้าใจว่า สภาพปรมัตถธรรมของสัตว์ เราก็คิดว่า เราจะทำได้ ข้องดเว้นจากการฆ่าสัตว์ อันนี้ก็เริ่มที่จะไม่ถูกต้องแล้ว เพราะะว่า เราไม่เข้าใจ ว่าสภาพความไม่ดีนี้ อกุศลธรรม ตรงนี้เนี่ย สภาพธรรมที่ไม่ดีเกิดขึ้น แล้วเราจะไปห้าม แล้วไปเว้นสิ่งนั้น ได้อย่างไร ก็กลายเป็นว่า เป็นการสร้างตัวเราขึ้นมา คือ ความเป็นเรานี่ ความเป็นตัวตน ว่าเราจะงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ถ้าศึกษาให้ละเอียด พระพุทธองค์ก็ไม่สอนอย่างนี้นะครับ เรานี่ไม่สามารถ ที่จะไปห้ามสภาพธรรมอย่างหนึ่งไม่ให้เกิดได้ ในเมื่อสะสมความไม่ดีมาก่อน เมื่อถึงจังหวะ ที่จะต้องทำสิ่งไม่ดี ก็ต้องเป็นไป ตามเหตุปัจจัยครับ ไม่สามารถที่จะห้ามได้ แต่ที่เขาสอนกันทั่วไปนี่
เนื่องมาจากไม่ทราบว่า สภาพธรรมของความดีและความชั่วนั้นเนี่ย คืออะไร แล้วมีเหตุปัจจัยอะไรบ้าง ที่ทำให้สภาพความชั่ว สภาพความดี เมื่อไม่ทราบสิ่งเหล่านี้ ก็ไม่มีทางที่จะละสิ่งเหล่านี้ไปได้









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น