ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ธรรมเบื้องต้น ตอนที่ ๓ (หน้า ๔)


อาจารย์   ค่ะ แล้วธรรมะนี้ มีเชื้อชาติมั้ย เพราะเป็นธรรมะ คนที่เกิดที่เมืองไทย ที่เรียกตัวเองว่าเป็นชาวพุทธ แต่ว่าตัวเองไม่สนใจธรรมะเลย  เพราะไม่ได้สะสมมา แต่ว่านต่างชาติเคยสะสมมา อยู่ไกลแสนไกล เขาก็สามารถที่จะเข้าใจและสนใจธรรมะ  และศึกษาธรรมะได้

พ่อแม่ก็ไม่เคยให้เขาได้เข้าใจธรรมะอย่างนี้นะคะ แต่ว่าเขาเปิดเวปไซด์ แล้วก็พ่อแม่ไม่รู้เลย แต่พ่อแม่เป็นคนเข้าใจธรรมะดี แต่เขาก็เล่นเหมือนเล่นเวปไซด์  ใครจะว่าเขาฟังธรรมะ และเข้าใจดี แล้วฝากคำถามมาถาม โดยที่ใครไม่รู้เลย

ทวีศักดดิ์   เขามาที่เวปไซด์ใช่มั้ยครับ

อาจารย์   ค่ะ  เพราะฉะนั้น ธรรมะไม่ใช่จำกัด ว่าจะต้องเป็นคนนี้ คนนั้นนะคะ จะเกิดที่สวรรค์ มนุษย์ เป็นเพศไหน ชาติไหน แต่ถ้ามีการสะสมมาแล้วนะคะ  ผันมาสู่การที่จะได้ฟัง ซึ่งแต่ละท่านที่นี่ก็คงจะเป็นอย่างนั้น  ซึ่งไม่ได้เคยคิดมาแต่เด็กนะคะ  ว่าจะสนใจธรรมะ หรือว่าจะได้ฟังธรรมะ ได้เข้าใจธรรมะ

ทวีศักดิ์   เรื่องธรรมะ ผู้ที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึง และที่ท่านผู้พิพากษาพูดถึง การฟังธรรม  ท่านอาจารย์เคยกล่าว่า การฟังธรรมด้วยดี เรื่องนี้อยากให้ท่านอาจารย์ ช่วยพูดสักนิดครับ

อาจารย์   ค่ะ  ด้วยดี คือ ไม่ใช่ได้ยินแต่ละคำ แล้วผ่านไป แต่เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แค่คำนี้ค่ะ ก็ทำให้เราต้องไตร่ตรองพิจารณา แต่ต้องเข้าใจคำนั้นให้ถูกต้อง  เพื่อตัวเองจะได้ไม่เข้าใจผิด และไม่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดตามตน ถ้าเราจะกล่าวถึงธรรมะ ที่ไม่ตรง ไม่ถูกต้อง แล้วก็ผิวเผิน ก็เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา

จะเห็นว่า พระพุทธศาสนาสอนในสิ่งที่มีจริงนะคะ เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ไม่มีค่าใดที่จะเปรียบได้ แต่ถ้าเราจะศึกษาเพียงผิวเผิน ไม่เข้าใจ ทำลายพระพุทธศาสนา ขอตัวอย่าง สำนักปฏิบัติธรรมะ ทำลายพระพุทธศาสนา  ฟังแล้วตกใจมั้ยคะ

ทวีศักดิ์   ฟังแล้วตกใจครับ

อาจารย์   คุณจักรกฤตคิดยังไงคะ

ผู้พิพากษา  อ๋อ  ผมผ่านมาแล้วครับ สำนักปฏิบัติเนี่ย เพราะอะไรครับ เพราะว่า ส่วนใหญ่ ๙๐% ท่านสอนอย่างนั้น ก็คือ เวลาศึกษาพระธรรม ท่านสอนว่า ต้องมีทฤษฏี มีปฏิบัตินะฮะ ก็เรียนบ้าง แล้วก็ปฏิบัติบ้าง บางทีก็บอกว่า ไม่จำเป็นหรอกทฤษฏีเนี่ย แต่ว่าไม่ศึกษาคำสอน ปฏิบัติเลย ไปเดิน ไปนั่ง ไปทำอะไรนี่ครับ หมายความว่า ไปเดิน ไปนั่ง เป็นการปฏิบัติเลย ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่สอนกันซะส่วนใหญ่ ทีนี้เนี่ย ถ้าศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ท่านอธิบายไว้หลากหลายนัย ท่านจะอธิบายไว้ชัดเจนว่า ต้องเริ่มเป็นลำดับ ตั้งแต่ขั้นปริยัติ ก็คือ ต้องมีความรอบรู้ปริยัติ ก็พุทธพจน์ครับ รอบรู้จริง ๆ แล้วปฏิบัติจะเกิดขึ้น ปฏิบัติในที่นี้ ก็มีความหมาย ไม่ใช่ที่เราเข้าใจทั่วไป เราเข้าใจว่าปฏิบัติ ก็คือ ไปลงมือทำ แต่การปฏิบัติที่พระพุทธองค์ตรัสไว้เนี่ย เป็นการเข้าถึง สภาวธรรม เป็นการเข้าถึงเฉพาะสภาวธรรม ที่เรากล่าวสักครู่ว่า สิ่งที่มีจริงนี้มีสภาวะอะไรบ้าง  การปฏิบัติของท่านเนี่ย หมายถึง การเข้าถึงสภาวะนั้น เนื่องจากว่า เมื่อมีปัญญาในขั้นปริยัติเพียงพอแล้ว ตามลำดับไปนะฮะ


                                                     
                                                        .....................................................

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน


ถอดเนื้อหาจากซีดีธรรมะ
โดย  มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา



วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ธรรมเบื้องต้น ตอน ๓ (หน้า ๓)


ทวีศักดิ์   ครับ

อาจารย์   ค่ะ  จิตที่ดับไปแล้วนั่นแหละ เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อทันที เร็วสุดที่จะประมาณได้ ไม่มีระหว่างขั้น ที่ละ ๑ ขณะ  เพราะฉะนั้น สิ่งที่อยู่ในจิต สิ่งใดเป็นปัจจัยให้จิตเกิด จิตที่เกิดเพราะสิ่งนั้นแหละ จิตก็มีสิ่งนั้นแหละ ที่สะสมอยู่ในจิต สะสม หมายความว่า สมมติว่านะคะ จำครั้งแรกที่เห็น จำแล้วค่ะ ครั้งต่อมา พอเห็นก็รู้ นั่นคือเพราะจำ

ทวีศักดิ์  รู้เพราะจำ

อาจารย์  ตอนนี้ก็คือ เริ่มเข้าใจธรรมะ เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  เริ่มรู้ทุกคำที่พระองค์ทรงตรัส  ต้องตรัสถึงธรรมะทั้งหมด  แม้ละชั่วก็ไม่ใช่ว่าเรา ทั้งหมดต้องเป็นสิ่งที่มีจริง ซึ่งเป็นจิต หรือเจตสิก หรือรูปอย่างหนึ่ง ต้องเป็นผู้ที่ตรงต่อความจริง ซึ่งมีจริง แต่ถูกปกปิดไว้นานแสนนาน จนกว่าผู้เปิด คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีในขณะนี้

ทวีศักดิ์    รู้เพราะจำ

อาจารย์   รับประทานอาหารอย่างหนึ่งชอบมาก รับประทานบ่อย ๆ แสวงหาบ่อย ๆ เพราะจำ ใช่มั้ยคะ  เพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่า การสะสมนี้นะคะ สะสมดีและชั่ว ถ้าโกรธคนนั้นนะคะ ไม่ลืม ยังจำได้ว่า ไม่ลืมคนนั้นนะคะ แต่ถ้าโกรธมาก ๆ เข้า บ่อย ๆ คนโกรธนั่นแหละค่ะ เป็นคนเจ้าโทสะ เห็นอะไรก็ไม่ถูกใจไปหมดเลย ส่วนอีกคนก็เจ้าโลภะ เห็นอะไรก็ชอบไปหมด อยากจะได้ไปหมด ไปตลาดอยากซื้อไปหมดเลย ไปตลาดผักก็ดี ปลาก็สด ผลไม้ก็น่ารับประทานทั้งหมดเลย แสดงว่ามีเราหรือจิตที่สะสมสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ มาแต่ละ ๑ หลากหลายมาก ถ้าจะนับเป็นหนึ่ง คน ก็ประมาณไม่ได้ว่า อัธยาศัยเป็นต้น ก็ต่างกันตามการสะสม เช่น เดี๋ยวนี้ฟังธรรมเข้าใจแค่ไหน เทียบกันได้มั้ย ขอยืมกันได้มั้ย แลกกันได้มั้ย

เข้าใจที่เกิด แล้วดับ สะสมอยู่ในจิตที่ลึก เกิดแล้วนะคะ เพราะฉะนั้น เมื่อวานนี้ ได้ฟังธรรมเข้าใจแล้ว วันนี้ได้ฟังอีก เห็นมั้ยคะ ความจำจากสิ่งที่ได้เคยฟังเข้าใจ เพิ่มขึ้น ไม่ลืม ทุกอย่างนี่ค่ะ ดีชั่วสะสมอยู่ในจิต เปลี่ยนใครไม่ได้เลย เขาสะสมมาอย่างนั้น ที่จะไม่สนใจธรรมะ แค่เกิดมาสบายแล้วนะคะ สนุกไปวัน ๆ ไม่มีทุกข์ ก็พอแล้ว บางคนคิดอย่างนี้ แต่คนที่สะสมมา เพียงได้ยินค่ะ รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่มีค่ามาก พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าคนนั้นไม่เคยฟังมาก่อน จะเป็นอย่างนี้มั้ยคะ

มีตั้งหลายคน ที่เราไปสนทนาธรรมในที่ต่าง ๆ นี่ค่ะ ใครสนใจแค่ไหน  รู้ได้มั้ย ยิ่งเป็นเยาวชน ก็ยิ่งหลากหลายมาก แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่เคยสะสมมาแล้วนี่คะ เปลี่ยนได้มั้ย เพราะไม่มีเรา แต่จิตต่างหาก ที่รู้แล้วจำรู้แล้วจำ รู้แล้วสะสมต่าง ๆ  มีเด็กหลายวัยที่สนใจฟังธรรมะนะคะ ที่มูลนิธิฯ ก็มีเด็กที่ตามคุณพ่อไปคนหนึ่ง อายุ ๑๔ เล็กกว่านี้ก็ยังมีและฟังด้วยจริง ๆ นะคะ ขณะที่เด็กคนอื่นไม่ได้ฟัง แต่ว่าสิ่งแวดล้อมก็สำคัญ เพราะเหตุว่า ถ้าพ่อแม่ไม่ฟัง ลูกไม่มีโอกาสได้ยิน แต่ว่าถ้าฟังบ่อย ๆ นะคะ ไม่ชวนเลยสักคำ เข้าใจเอง ค่อย ๆ ใส่ใจ ค่อย ๆ สนใจ มีคนหนึ่ง่ะ เขาก็ฟังธรรมะมากเป็นปี ๆ หลายสิบ ๆ ปี  เขาไม่รู้เลยว่าลูกเขาฟังด้วย จนกระทั่งลูกเขาบอก หรือว่าเข้าใจธรรมะดีมาก ก็แสดงให้เห็นว่า ระหว่างที่พ่อฟัง แม่ฟัง ลูกฟัง

เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างนี่ค่ะ เป็นที่อาศัย ที่มีกำลัง ที่จะทำให้ เป็นอย่างนั้น

ทวีศักดิ์   นี่แสดงว่า เด็กคนนี้ สะสมมามากครับ

อาจารย์   ถูกต้องค่ะ  ชาติหน้าเด็กคนไหนคะ ถ้าได้ฟังธรรมะเดี๋ยวนี้มาก เข้าใจมาก เกิดอีกก็เป็นคนอีกนะคะ อีก จะเป็นเด็กคนไหน

ผู้พิพากษา   ตอนที่ท่านอาจารย์ ไปบรรยายที่เชียงใหม่ ก็มีสมาชิกท่านหนึ่ง อายุเยอะแล้ว ท่านก็มากราบท่านอาจารย์และะสนทนาธรรม ก็ได้คุยกันว่า ท่านเนี่ย ได้ฟังธรรมะมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ลูกชายก็อยู่ในบ้านนี้ แต่ท่านไม่ได้สนใจ ว่าฟังหรือปล่าว มีอยู่วันหนึ่ง ลูกชายทำงานเกี่ยวกับด้านหุ้น ก็มาถาม มาบอกคุณพ่อว่า มีสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับที่ทำงานเขา  ในเรื่องหุ้น ก็มาปรึกษา แต่เขานี่ตัดสินใจ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง คุณพ่อก็ถามว่า ทำไมถึงมีความคิดอย่างนี้ เขาก็อธิบายว่า เมื่อตอนเด็ก ๆ นี่ คุณพ่อเปิด แล้วท่านอาจารย์ ก็อธิบายว่า ความดีอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร ความชั่วเป็นอย่างไร ก็อธิบายในลักษณะที่เราสนทนากันนี่แหละครับ เด็กที่ฟังมาแต่เด็ก แต่เราไม่รู้ว่าเขาสนใจหรือมีความคิดอย่างไรนี้ แต่ว่าพอถึงเวลานี่ มันสะท้อนให้เห็นว่า การละความชั่วนี่เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ไปบังคับให้ทำดี ทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เกิดจากความเข้าใจิง อันนี้เป็นเรื่องอธิบายใด้ชัดเจน

ธรรมะที่เขาเกิดขึ้น มีเหตุปัจจัยนี่ครับ ที่ท่านอาจารย์ ได้อธิบายโดยละเอียดนี่ครับ ถึงเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเป็นปกติอย่างนั้นเลย นี่เป็นตัวอย่าง ที่ท่านอาารย์ ได้พูดถึงครับ














วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ธรรมเบื้องต้น ตอนที่ ๓ (หน้า ๒)


ทวีศักดิ์   ยังไม่รู้ธรรมะ ยังไม่รู้ความจริงแต่ละเรื่อง ถ้ากล่าวตามปกติแล้ว เราเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  มันรวดเร็วมากจนไม่รู้ เห็นปุ๊บรู้เลย ว่าเป็นดอกไม้สีเหลือง สีโน้น สีนี้ ชอบ ไม่ชอบ สวย ไม่สวย อะไรต่าง ๆ นี่ ขณะอะไรต่าง ๆ มันเปลี่ยนไปตลอดเวลา แต่เราไม่รู้ มันเร็วมากที่จะรู้ อย่างที่อาจารย์พูด

อาจารย์   ใครรู้ได้คะ ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงตรัสรู้ก่อน แล้วทรงแสดงความจริงของสิ่งนี้ ก็ไม่มีใครรู้ความจริงของสิ่งนี้ เพราะฉะนั้น เริ่มรุ้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพยิ่ง
เพียงแค่หลับตาก็ไม่มีสิ่งวที่ปรากฏ หลงติดยึดมั่นว่ายังมีอยู่ แต่เร็วกว่านั้นอีก ที่กำลังเห็นอยู่นี่ เกิดดับนับไม่ถ้วน

ทวีศักดิ์   ก็เอาเรื่องของความเกิดดับทีละขณะนี่  การเห็น  เรายังไม่ไปพูดถึงความรู้สึกและความจำใด ๆ ทั้งนั้น
เห็นแล้วก็ต้องมาคิด แล้วก็ข้ามไปเลย ใช่มั้ยครับท่านอาจารย์

อาจารย์   เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจถูกต้องว่า คิดต้องไม่ใช่เห็นแน่ ๆ  เพราะไม่เห็นก็คิด จำได้เลย จำคุณจักรกฤตได้เลย นึกถึงหน้า นึกถึงอะไรก็แล้วแต่ หรือเพื่อนคนไหนก็ได้ อะไรก็ได้ หรือสิ่งของอะไรก็แล้วแต่ แม้ไม่เห็น แต่ก็คิดถึงสิ่งนั้น  เพราะว่า จำไม่ใช่เห็น จำเป็นสภาพธรรมะอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดพร้อมกันกับจิต จิตเป็นสภาพรู้ ธาตุรู้ ที่เรากล่าวถึงเมื่อกี้นี้นะคะ  ธาตุรู้นี่ค่ะ เป็นภาษาไทย เราใช้คำว่า ธาตุรู้ หรือจะรวมใช้นามธาตุก็ได้ แต่นามธาตุมีมากมายหลายอย่ง ในนามธาตุทั้งหมด จิตเป็นนามธาตุ ที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งสิ่งที่กำลังปรากฏแต่ไม่ใช่ความจำ ไม่ใช่ความชอบหรือไม่ชอบ นั่นเป็นสภาพธรรมที่เป็นนามธาตุ ที่เป็นนามธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต รู้อย่างเดียวกับจิต แต่โดยฐานะต่างกัน เป็นแต่ละประเภท เพราะเหตุว่า นามธรรมนี่คะ มีทั้งหมด ๕๒ ประเภท เป็นเจตสิกที่เกิดกับจิต โดยจิตเป็นใหญ่เป็นประธาน ถ้าไม่มีจิต สภาพที่เกิดกับจิตก็เกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้น สภาพที่เกิดกับจิต เราใช้คำว่า เจ ตะ สิ กะ  หมายความถึงสภาพธรรมะที่เกิดในจิต เกิดพร้อมจิต อาศัยจิต เกิดพร้อมกัน  ดับพร้อมกัน และโดยนัยเดียวกันนะคะ จิตก็ต้องอาศัยเจตสิก ถ้าไม่มีเจตสิก จิตเกิดไม่ได้ค่ะ ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่สามารถเกิดได้โดยไม่มีสิ่งอาศัยซึ่งกันปรุงแต่ง

ทวีศักดิ์   ต้องเกิดร่วมกัน

อาจารย์   เกิดร่วมกัน ถ้าเป็นธาตุรู้ก็รู้ในขระเดียวกัน รู้สิ่งเดียวกันแต่โดยต่างฐานะกัน คือจิตเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้ง แล้วเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยก็จำสิ่งที่จิตกำลังรู้แจ้ง ต้องเป็นธาตุรู้ด้วย

ทวีศักดิ์   ก่อนหน้านั้นเคยพุดถึงความดี ความชั่วอะไรนี่ครับ คือ จิตเจตสิก

อาจารย์   ค่ะ  ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้ว ใช่มั้ยคะ ที่ว่าเป็นเราดี เราชั่ว เป็นธรรมะทั้งหมด คือ จิตและเจตสิก ถ้าไม่กล่าวถึงรูป รูปไม่รู้อะไร ถ้ามีคนบอกว่าถูกตีเจ็บ เจ็บเป็นธรรมะหรือเปล่าคะ

ผู้พิพากษา   เป็นครับ

ทวีศักดิ์   เป็นเวทนา เป็นความรู้สึกครับ

อาจารย์   นี่ศึกษามาแล้ว แต่คนที่ไม่ได้ศึกษาเลยนะคะ ก็จะตอบว่ารู้สึกเจ็บ หรืออาจจะตอบว่า เจ็บก็เป็นเจ็บ เจ็บมีจริง  เจ็บเกิดเองได้มั้ย ถ้าไม่ตี เจ็บก็ไม่เกิด เกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรทั้งนั้น สักนิดสักหน่อยค่ะ เล็กเท่าไรก็ตาม เกิดขึ้นเพราะมีสภาพที่อาศัยกันและกันปรุงแต่งให้เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น นี่คือ ความเป็นอนัตตา ไม่ใช่จะมีใครไปดลบันดาล ให้เกิดขึ้น ให้หมดไป ให้ตั้งอยู่ แต่ธรรมะแม้เป็นอย่างนี้ก็ไม่รู้ เพราะความไม่รู้มีจริง ๆ ค่ะ เข้าใจหรือเปล่าคะ เมื่อกี้นี้เรากล่าวแล้ว ว่าความไม่รู้เป็นอวิชชา แต่ที่กำลังเข้าใจนี้ เป็นอวิชชาหรือเปล่าคะ กำลังเข้าใจ

ทวีศักดิ์   ความเข้าใจเป็นวิชชา เป็นความรู้

อาจารย์   ค่ะ  เป็นวิชชา ก็เป็นธรรมะอย่างหนึ่ง ความเข้าใจเป็นเจตสิก หรือรูป

ทวีศักดิ์   เป็นเจตสิกครับ

อาจารย์   ตอนนี้ก็คือว่า เริ่มเข้าใจธรรมะ เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เริ่มรู้ทุกคำที่พระองค์ทรงตรัสธรรมะทั้งหมด แม้ละชั่วก็ไม่ใช่ว่าเรา ทั้งหมดเป็นสิ่งที่มีจริง ซึ่งเป็นจิตและเจตสิก รูป อย่างหนึ่ง ต้องเป็นผู้ที่ตรงต่อความจริง ซึ่งมีจริง แต่ถูกปกปิดไว้ นานแสนนาน จนกว่าผู้เปิด คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่ำลังมีขณะนี้

ทวีศักดิ์   ท่านอาจารย์ครับ เกี่ยวกับผู้ที่สนใจธรรมะ จะมีในเรื่องที่กล่าวกันว่า มีการสะสมมา อย่างนั้นหรือเปล่าครับ ถ้าผู้ไม่ได้สนใจ ก็ไม่ได้สะสมมา

อาจารย์   ค่ะ เราก็พูดอย่างที่เราเข้าใจนะคะ มีการสะสมมา แต่ไม่มีเรา ใช่มั้ยคะ เพราะฉะนั้น จิตแต่ละ ๑ ขณะ เกิดแล้วดับ ถูกต้องมั้ยคะ จิตที่ดับไปแล้วนั่นแหละ เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไป เกิดสืบต่อทันที เร็วสุดที่จะประมาณได้ ไม่มีระหว่างขั้น ทีละ ๑  เพราะฉะนั้น สิ่งใดที่สะสมอยู่ในจิต ที่เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิด จิตที่เกิดเพราะสิ่งนั้น ก็มีสิ่งนั้นที่สะสมมา สะสมหมายความว่า จำ  ครั้งแรกที่เห็น จำแล้วใช่มั้ยคะ

ทวีศักดิ์   ครับ

อาจารย์   ครั้งต่อมา พอเห็นก็รู้ นั่นก็คือความจำ

ทวีศักดิ์  รู้เพราะจำ

อาจารย์   ค่ะ  สะสมมาแล้วค่ะ ทานอาหารอย่างหนึ่งชอบมาก รับประทานบ่อย ๆ แสวงหาบ่อย ๆ เพราะจำ ใช่มั้ยคะ